10 นามสกุลเก่าแก่ของไทย ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้


ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โปรดให้มีการตั้งนามสกุลขึ้นมาเพื่อ
ความเป็นสากลเหมือนกับประเทศทางตะวันตก โดยพระองค์ให้ตราพระราชบัญญัติขนานนามสกุลเมื่อ
วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2455 ดังที่จะขอหยิบยกเอา 10 นามสกุลที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ถึง
ตัวตนของบรรพบุรุษแต่ละนามสกุลมาให้สมาชิกเพจได้ศึกษากัน

1. "บุนนาค" นับว่าเป็นตระกูลที่เก่าแก่ที่สุดอีกตระกูลหนึ่งของไทย บรรพบุรุษของสกุลนี้สืบเชื้อสาย
มาจากพ่อค้าชาวเปอร์เซีย (อิหร่าน) มีนามว่า “เฉกอะหมัด” ที่เข้ามารับราชการในกรุงศรีอยุธยา
ต่อเนื่องมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ที่เชื้อสายของตระกูลนี้ได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่หลายท่าน บางท่าน
ได้เป็นถึงผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน และยังเป็นต้นกำเนินของพระมเหสี พระราชโอรส-ธิดาอีกหลาย
พระองค์ นับได้ว่าช่วงหนึ่งของกรุงรัตนโกสินทร์นั้น บุนนาค เป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลสูงสุดของไทย

2. "ณ บางช้าง" สกุลเก่าแก่ที่สืบสายมาแต่ ขุนนางและเจ้านายในวงศ์พระร่วงแห่งกรุงศรีอยุธยา
และยังเป็นต้นกำเนิดของท่านผู้หญิงนาค ภริยาเอกในเจ้าพระยาจักรี ภายหลังท่านผู้หญิงนาคผู้นี้ก็คือ
สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีในรัชกาลที่1 และเป็นพระบรมราชชนนี(แม่)ในรัชกาลที่2ซึ่งแตกมา
เป็นราชสกุลดังๆ เช่น กุญชร,ปราโมช,มาลากุล,สนิทวงศ์ เป็นต้น



3. "วัชโรทัย" สืบสกุลมาจากพระยาอุทัยธรรม เจ้ากรมภูษามาลาในรัชกาลที่1 ซึ่งพระยามีชื่อนี้ท่าน
เคยรับราชการเป็นภูษามาลาในสมัยกรุงศรีอยุธยามาแล้ว เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา
โลกขึ้นปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ จึงเข้ามาถวายตัวเป็นข้าทูลละอองพระบาท จึงทำให้สกุล
วัชโรทัยรั้งตำแหน่งหน้าที่ภูษามาลาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน
4. "สุจริตกุล" ต้นตระกูล คือหลวงอาสาสำแดง และท้าวสุจริตธำรง ผู้สืบเชื้อสายมาจากขุนนางใน
ราชสำนักกรุงศรีอยุธยา ในกรุงรัตนโกสินทร์ ถือได้ว่าเป็นสกุลที่มั่งมีวาสนาและเก่งด้านการค้าพอ
สมควร พระอัครมเหสีและราชินีหลายพระองค์มีเชื่อสายมาจากสกุลนี้ เช่น พระนางเจ้าสุนันทา(พระ
นางเรือร่ม), พระนางเจ้าสว่างวัฒนา(พระอัยยิกาหรือย่าในพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน) , และ
พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี ผู้เป็นต้นกำเนิดราชสกุล“จักรพงษ์” เป็นต้น

5. "ณ ป้อมเพชร" ตระกูลนี้เก่าแก่พอดู สืบทอดเชื่อสายและรั้งตำแหน่งขุนนางใหญ่มาแต่สมัยกรุง
ศรีอยุธยา ปลูกบ้านอยู่บริเวณป้อมเพชร ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระสมุทบุรานุรักษ์ ผู้สืบเชื้อสายได้
รับพระกรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น "พระยาชัยวิชิตวิศิษฏ์ธรรมธาดา" (ขำ ณ ป้อม
เพชร์) อธิบดีกรมราชทันฑ์คนแรกของประเทศไทย

6. "โรจนกุล" ตระกูลของเจ้าพระยาพิษณุโลก สืบเชื้อสายมาจากบิดาซึ่งเป็นพราหมณ์ชื่อ พราหมณ์
ศิริวัฒนะ ราชปุโรหิตในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 แห่งกรุงศรีอยุธยา

7. "อมาตยกุล" เป็นอีกตระกูลที่รั้งตำแหน่งขุนนางตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา และเป็นขุนนางสืบต่อกันมา
เรื่อยโดยไม่เว้นช่อง ตั้งแต่แผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวปราสาททอง จนถึงกรุงธนบุรี จนถึงกรุงรัตน
โกสินทร์ รวมแล้วกว่า3ราชวงศ์ 15 รัชกาล เพราะถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทอย่างเต็ม
กำลังและสุจริต จึงทำให้หลายท่านเป็นพระยา เป็นขุน เป็นหลวง เป็นพระ และแตกสาขาออกไปอีก
นับร้อย จึงนับว่าลูกหลานในสกุลนี้ส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการเกือบทั้งสิ้น

8. "ณ นคร" สืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าขัตติยราชนิคม สมมติมไหสวรรย์ เจ้าผู้ครองนครศรี
ธรรมราช แห่งราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช มีบรรดาศักดิ์เป็นหลวงนายสิทธิ์ นายเวรมหาดเล็กใน
สมเด็จเจ้าฟ้าอุทุมพร กรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้รับตำแหน่งเป็นปลัดเมืองนครศรีธรรมราช

9. "บุรณศิริ" เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี ต้นตระกูล “บุรณศิริ” เป็นผู้สืบเชื้อสายจากพราหมณ์เมืองพา
ราณสี ประเทศอินเดีย เข้ารับราชการตั้งแต่สมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุง
ศรีอยุธยา ครั้นถึงรัชกาลที่ 4 ต้นตระกูล บุรณศิริ ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “เจ้าพระยาธร
รมกรณาธิบดี” เสนาบดีกระทรวงวัง ต่อมาเมื่อชราได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯเปลี่ยนราชทินนาม
เป็น “เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี”

10. "ราชตระกูลสายสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก" ซึ่งสืบเชื้อสายมาจาก เจ้าพระยาโกษาธิบดี
(ปาน) เสนาบดีพระคลังในรัชกาลสมเด็จพระเพทราชา ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็นออกพระวิสุทธ
สุนทร และได้เดินทางไปถวายพระราชสาส์นของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ยังราชสำนักของพระ
เจ้าหลุยส์ที่ 14 เมื่อ พ.ศ. 2228 มีดังนี้ นรินทรางกูร เทพหัสดิน มนตรีกุล อิศรางกูร เจษฎางกูร
นรินทรกุล

ที่มา : http://thai.onzorn.com/2015/04/10.html